ข้อแนะนำ จาก ... ไทร์พลัสเอกการยาง
ความรู้และข้อแนะนำดี ๆ จาก ไทรพลัส เอกการยาง เกี่ยวกับเรื่องของแบตเตอรี่ว่าใช้ยังไง ใช้อย่างไร ดูและเช็คอย่างไร ถอด ใส่แบบไหน ? การดูแล แบตเตอรี่รถยนต์ แบบง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้
พูดว่าแบตเตอรี่รถยนต์คิดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก คงไม่ต้องบอกว่าแบตเตอรี่รถยนต์ใช้ทำอะไรบ้าง
แบตเตอรี่รถยนต์ เรียกว่าเป็นหัวใจหลักสำคัญของรถยนต์เลยทีเดียว รถยนต์เป็นพาหนะที่อำนวยความสะดวกสบายแก่มนุษย์ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนไกลหรือใกล้แค่หยิบมือ เราก็ใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการเดินทางสัญจรไปมา ทั้งนี้ในการที่เราใช้รถยนต์เดินทางไปมา ทำให้รถเกิดความเสื่อมสภาพได้ตามอายุการใช้งาน ยามกำลังที่ใช้ รวมไปถึงแบตเตอรี่รถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก หากว่าไม่มีแบตเตอรี่แล้วละก็ รถยนต์คงไม่สามารถเดินเครื่องได้ จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องมั่นตรวจเช็ค ดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ แต่หากมีการละเลยหน้าที่ ก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์เราสียดายกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีสาระดี ๆ เกี่ยวกับ แบตเตอรี่รถยนต์ มาให้ดูกันว่ามีไรบ้างกันบ้าง ตามไปดูกันเลย
การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์
1. ตรวจสอบสภาพภายนอกของตัวแบตเตอรี่
เราควนหมั่นเช็คตรวจสอบแบตเตอรี่รถยนต์อยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้การใช้งานนั่นมีประสิทธิภาพ หากตรวจสอบแล้วแบตเตอรี่ มีรอยแตกร้าว บวมหรือเสียรูป เป็นต้น ก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ หากยังฝืนทนใช้งานต่อไปอาจจะทำให้รถเกิดผลเสียกับรถได้อย่างมากเลย
2. ควรใช้ฉนวนกันความร้อนหุ้มแบตเตอรี่
การที่ทำงานภายในอากาศร้อนหรือหนาวจัด อาจจะทำให้สูญเสียสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ เนื่องจากแบตเตอรรี่รถยนทำงานหนักขึ้น และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่สิ้นเปลืองจึงควนหุ้มฉนวนกันความร้อน
3. ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้สม่ำเสมอ
ถ้าเราไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ในการเดินทางหรือไม่ค่อยเดินเครื่องรถยนต์ อาจจะทำให้สภาพของแบตเตอรี่เสื่อมไวมากยิ่งขึ้น เพราะการที่เราไม่ใช้งานแบตเตอรี่ก็จะเสื่อม ดังนั้นหากต้องการจะถนอมแบตเตอรี่ควรสตาร์ทรถยนต์ไว้สัก 10-15นาที เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จก็ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
4. ใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อเดินเครื่องยนต์เท่านั้น
นับว่าเป็นข้อแนะนำที่ดีในการดูแลแบตเตอรี่คือควรจะใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อสตาร์ทรถเท่านั้น เช่น เปิดวิทยุ แอร์ เป็นต้น หากไม่ใช้ก็ควรปิดจะทำให้ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน
5. ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
หากขั้วแบตมีสิ่งสกปรก หรือคราบขี้เกลือ ให้ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเทราดลงไปที่ขั้วแบตแล้วใช้แปรงสีฟันขัดจนสะอาดจากนั่นเช็คให้แห้งแล้วทาจาระบีบาง ๆ ที่ขั้วแบต
6. ตรวจเช็คน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
นั่นคือการตรวจเช็คน้ำกลั่นอยู่เสมอ ไม่ให้แห้ง ถ้าแบตเตอรี่ต้องเติมน้ำกลั่นควรเติมให้อยุ่ในระดับที่พอดี อย่าให้แห้งหรือไม่ควรเติมจนสูงมากเกินไปเพราะอาจจะมีเกลือติดขั่วได้ และห้ามใช้น้ำกลั่นที่มีสารเคมีเด็ดขาด!
7. ตรวจวัดกระแสไฟอยู่สม่ำเสมอ
ตรวจวัดระดับไฟแบตเตอรี่อยุ่สม่ำเสมอเพื่อเช็คดูว่าแบตเตอรี่มีปัญหาหรือไม่มีปัญหาในการเก็บประจุไฟหรือเปล่า
8. ตรวจเช็คระบบชาร์จไฟ
ตรวจดูว่าไฟสูงหรือต่ำ หากไฟต่ำอาจจะไม่มีกำลังไฟในการใช้สตาร์ทรถถ้าสูงเกินไปอาจจะทำให้น้ำกลั่นเดือดและระเหยเร็ว
9. เช็คตาแมวแบตเตอรี่
สำหรับรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่แห้ง สามารถเช็คได้จากการดูตาแมวถ้า เป็นสีน้ำเงิน แสดงว่า เป็นปกติหรือถ้าเป็นสีส้มหรือแดงแสดงว่าแบตเตอรี่กำลังมีปัญหา อาจจะต้องชาจไฟหรือเติมน้ำกลั่น หากตาแมวเป็นสีขาวแสดงว่าแบตเตอรี่นั่นเสื่อมสภาพหรือแบตหมด